อุจจาระผิดปกติ อาจเป็นสัญญาณเตือน ควรตรวจมะเร็งลำไส้

       ในแต่ละวัน “การขับถ่าย” อาจดูเป็นเรื่องธรรมดา แต่รู้หรือไม่ว่า “อุจจาระ” สามารถบ่งบอกสุขภาพภายในร่างกายได้อย่างชัดเจน โดยเฉพาะความผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณเตือนภัยล่วงหน้าของโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคร้ายแรงที่พบได้มากขึ้นในคนไทย และกำลังกลายเป็นภัยเงียบที่คร่าชีวิตคนจำนวนมากโดยไม่รู้ตัว



มะเร็งลำไส้ใหญ่คืออะไร

       มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal Cancer) คือ มะเร็งที่เกิดจากเซลล์ผิดปกติในเยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่ หรือไส้ตรง ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้จากหลายปัจจัย เช่น พฤติกรรมการกิน อาหารแปรรูป การไม่ออกกำลังกาย หรือพันธุกรรม หากตรวจพบในระยะแรก โอกาสรักษาหายมีสูงมาก แต่หากละเลย ปล่อยให้ลุกลาม อาจส่งผลให้เสียชีวิตได้ในเวลาอันรวดเร็ว


อาการเตือนจาก "อุจจาระ" ที่ไม่ควรมองข้าม

       อุจจาระคือหนึ่งใน “สัญญาณภายนอก” ที่ร่างกายพยายามบอกว่าอะไรบางอย่างกำลังผิดปกติ หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันที:

       1. ลักษณะของอุจจาระเปลี่ยนไป จากที่เคยเป็นก้อนปกติ กลายเป็นอุจจาระเหลว หรือแข็งมาก มีลักษณะแบนเรียบคล้ายแผ่นริบบิ้น หรือเส้นด้าย มีมูกปน หรือปนเลือด โดยเฉพาะถ้ามีเลือดแดงสดหรือคล้ำ

       2. ถ่ายอุจจาระผิดปกติ ถ่ายบ่อยขึ้นกว่าปกติ หรือถ่ายน้อยลงกว่าปกติ โดยไม่ทราบสาเหตุ มีความรู้สึกอยากถ่ายอยู่ตลอดเวลา แต่ถ่ายออกมาไม่มาก ท้องผูกสลับกับท้องเสียบ่อย

       3. อาการร่วมอื่น ๆ ปวดท้อง ท้องอืด แน่นท้อง โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อย น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีเหตุผล อ่อนเพลีย ซีด หรือมีอาการโลหิตจางจากการเสียเลือด


ใครบ้างที่ควรระวังเป็นพิเศษ

       แม้ว่าทุกคนควรสังเกตอาการผิดปกติ แต่กลุ่มเสี่ยงที่ควรตรวจคัดกรองมะเร็งลำไส้ใหญ่เป็นพิเศษ ได้แก่:

       ● ผู้ที่มีอายุ 50 ปีขึ้นไป

       ● ผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นมะเร็งลำไส้

       ● ผู้ที่มีภาวะลำไส้อักเสบเรื้อรัง เช่น โรคโครห์น (Crohn’s disease)

       ● ผู้ที่มีพฤติกรรมการกินอาหารไขมันสูง ไฟเบอร์ต่ำ ขาดการออกกำลังกาย

       ● สูบบุหรี่ ดื่มแอลกอฮอล์เป็นประจำ


การตรวจวินิจฉัยมะเร็งลำไส้ใหญ่

       ● หากมีสัญญาณอุจจาระผิดปกติ หรือมีความเสี่ยง แพทย์อาจแนะนำให้เข้ารับการตรวจ เช่น:

       ● ตรวจหาเลือดในอุจจาระ (FOBT): เพื่อดูว่ามีเลือดแฝงอยู่หรือไม่

       ● การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy): เป็นวิธีมาตรฐานที่ใช้ดูเนื้องอกหรือก้อนผิดปกติในลำไส้

       ● CT Colonography (การถ่ายภาพด้วยคอมพิวเตอร์): ตรวจดูความผิดปกติภายในลำไส้

       ● การตรวจชิ้นเนื้อ: หากพบสิ่งผิดปกติ แพทย์อาจเก็บตัวอย่างไปตรวจต่อในห้องปฏิบัติการ


การป้องกันและดูแลตัวเอง

       แม้มะเร็งลำไส้ใหญ่จะรุนแรง แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม : รับประทานอาหารที่มีไฟเบอร์สูง เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช ลดการบริโภคเนื้อแดง เนื้อแปรรูป และอาหารทอด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ งดสูบบุหรี่ และลดแอลกอฮอล์ เข้ารับการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอ โดยเฉพาะเมื่ออายุเกิน 50 ปี หรือมีความเสี่ยง


       อุจจาระเป็นมากกว่าของเสีย เพราะมันสะท้อนถึง สุขภาพภายในได้ชัดเจน หากพบว่ามีการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติ ควรตื่นตัวและอย่าละเลย เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของ มะเร็งลำไส้ใหญ่ที่กำลังคุกคามชีวิตโดยไม่รู้ตัว การตรวจพบในระยะเริ่มต้นคือโอกาสทองของการรักษา และช่วยให้เรามีคุณภาพชีวิตที่ดียาวนานต่อไป