เมื่อฤดูฝนมาถึง อากาศที่เย็นชื้น และการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างรวดเร็วส่งผลกระทบต่อระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายมนุษย์โดยตรง นี่คือช่วงเวลาที่เชื้อไวรัสทางเดินหายใจต่าง ๆ มีโอกาสแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว ทั้งในเด็กเล็ก วัยเรียน ผู้ใหญ่ ไปจนถึงผู้สูงอายุ หากไม่ระมัดระวัง ก็อาจทำให้เจ็บป่วยได้ง่ายและอาการอาจรุนแรงกว่าที่คิด
1. ไวรัสไข้หวัดใหญ่ (Influenza Virus)
• ระบาดบ่อยในช่วงฤดูฝน
• อาการ: ไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ ไอแห้ง เจ็บคอ อ่อนเพลีย
• เสี่ยงแพร่กระจายสูงในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน ออฟฟิศ รถโดยสาร
2.ไวรัส RSV (Respiratory Syncytial Virus)
• พบบ่อยในเด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 2 ปี
• อาการ: ไอมีเสมหะ หายใจหอบเหนื่อย เสียงหวีดขณะหายใจ มีไข้
• หากไม่ได้รับการรักษา อาจลุกลามเป็นปอดอักเสบหรือหลอดลมอักเสบ
3.โคโรนาไวรัส (รวมถึง COVID-19)
• ยังคงต้องเฝ้าระวัง แม้อัตราการติดเชื้อจะลดลง
• อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ แต่บางรายอาจมีอาการรุนแรงและมีภาวะแทรกซ้อน
4.ไวรัสไข้หวัดธรรมดา (Rhinovirus)
• ติดต่อกันได้ง่ายในช่วงที่อากาศเย็นและชื้น
• อาการมักไม่รุนแรง เช่น คัดจมูก ไอ เจ็บคอ น้ำมูกไหล
• ความชื้นสูงในอากาศ ช่วยให้ไวรัสอยู่ได้นานขึ้น
• การอยู่ในพื้นที่ปิด เช่น บ้าน โรงเรียน หรือสำนักงานมากขึ้น เพราะฝนตก ทำให้เสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรค
• การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้ภูมิคุ้มกันลดลง ร่างกายปรับตัวไม่ทัน
• เสื้อผ้าและร่างกายเปียกชื้น ทำให้ร่างกายอ่อนแอและเป็นจุดเริ่มต้นของการติดเชื้อ
• เด็กเล็ก โดยเฉพาะอายุต่ำกว่า 5 ปี
• ผู้สูงอายุ
• ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ โรคปอด
• หญิงตั้งครรภ์
• ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
• มีไข้สูงเกิน 38.5 องศาเซลเซียสติดต่อกันหลายวัน
• ไอมาก มีเสมหะสีเขียวหรือเหลืองจัด
• หายใจลำบาก หอบเหนื่อย
• เจ็บหน้าอก หน้ามืด หรือหมดสติ
• เด็กเล็กไม่ยอมกินนมหรืออาหาร ซึมผิดปกติ
เพราะฤดูฝนคือช่วงเวลาที่เราต้องเพิ่มความระมัดระวังเรื่องสุขภาพให้มากขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของเชื้อไวรัสทางเดินหายใจ ที่สามารถแพร่กระจายได้ง่ายในสภาพอากาศเย็นและชื้น อย่าประมาทเพียงเพราะอาการคล้ายหวัดทั่วไป เพราะหากละเลยอาจนำไปสู่อาการรุนแรงได้ การดูแลสุขภาพขั้นพื้นฐานอย่างเคร่งครัด จะช่วยให้เราผ่านฤดูฝนนี้ไปได้อย่างปลอดภัยทั้งครอบครัว