เมื่อฤดูฝนมาเยือน นอกจากร่มจะกลายเป็นของจำเป็นแล้ว สุขภาพหัวใจก็เป็นอีกสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะในผู้ป่วยโรคหัวใจ เพราะอากาศชื้นและเย็นที่มาพร้อมกับฝน อาจเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดภาวะแทรกซ้อน หรืออาการกำเริบของโรคหัวใจได้อย่างไม่คาดคิด
1. อุณหภูมิลดลง หลอดเลือดหดตัว เมื่ออากาศเย็น ร่างกายจะพยายามรักษาความอบอุ่นโดยการหดหลอดเลือดใต้ผิวหนัง ซึ่งทำให้แรงต้านทานต่อการไหลเวียนของเลือดเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ความดันโลหิตสูงขึ้น และหัวใจต้องทำงานหนักขึ้นกว่าปกติ สำหรับผู้ที่มีภาวะหัวใจล้มเหลวหรือกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง อาการอาจกำเริบจนถึงขั้นหายใจเหนื่อย หรือหัวใจวายได้
2. ความชื้นสูง = ออกซิเจนลด อากาศชื้นทำให้ความสามารถในการระบายความร้อนของร่างกายลดลง และระดับออกซิเจนในอากาศก็ต่ำลงด้วย ผู้ป่วยโรคหัวใจบางรายอาจรู้สึกเหนื่อยง่าย ใจสั่น หรือมีอาการเจ็บแน่นหน้าอกมากขึ้น
3. อากาศเปลี่ยนเสี่ยงติดเชื้อ ฤดูฝนมักมาพร้อมกับไข้หวัด ปอดบวม และโรคติดเชื้อต่าง ๆ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อผู้ป่วยโรคหัวใจ โดยเฉพาะหากมีภาวะหัวใจล้มเหลวร่วมด้วย การติดเชื้อจะยิ่งทำให้ภาระของหัวใจเพิ่มขึ้น
● ผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือด
● ผู้ที่เคยมีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอ่อนแรง
● ผู้ที่มีประวัติหัวใจล้มเหลว
● ผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง
● ผู้ที่เพิ่งฟื้นตัวจากการผ่าตัดหัวใจหรือโรคหัวใจรุนแรง
1. สวมเสื้อผ้าให้อบอุ่น และหลีกเลี่ยงอากาศเย็นจัด หมั่นดูแลร่างกายให้อบอุ่น โดยเฉพาะช่วงเช้าตรู่หรือเวลากลางคืนที่อุณหภูมิลดลง
2. หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายกลางแจ้งหากฝนตกหรืออากาศเย็นจัด ออกกำลังกายภายในบ้านแทน เช่น เดินเบา ๆ โยคะ หรือยืดเหยียด
3. พักผ่อนให้เพียงพอ และอย่าเครียด เพราะความเครียดและการนอนน้อยส่งผลต่อจังหวะการเต้นของหัวใจ
4. ไม่หยุดยาเอง และควรพบแพทย์ตามนัด โดยเฉพาะผู้ที่กินยาควบคุมความดันหรือยาขับปัสสาวะ
5. สังเกตอาการผิดปกติ เช่น เหนื่อยง่าย แน่นหน้าอก ขาบวม ใจสั่น ควรรีบพบแพทย์ทันที
เพราะหัวใจเป็นอวัยวะสำคัญ ที่ไม่สามารถหยุดพักได้แม้แต่วินาทีเดียว การดูแลหัวใจในช่วงฤดูฝนจึงต้องใส่ใจเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอุณหภูมิร่างกาย การรับประทานอาหารที่ดี หรือการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด หากมีความเสี่ยงหรือโรคประจำตัวเกี่ยวกับหัวใจ ควรเข้ารับการตรวจสุขภาพเป็นประจำ และปรึกษาแพทย์เมื่อมีอาการผิดปกติใด ๆ